วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การเมื้อง...การเมือง

  รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาท่าที "คนเสื้อแดง" แม้ยังหลบใน ยังพูดไม่เต็มปากเต็มคำ แสดงความเห็นไม่เต็มที่ แต่ก็สามารถสร้างความสะพรึงกลัวให้เกิดขึ้นได้อีกครั้ง นั่นเพราะภาพเผาบ้านเผาเมืองยังตามหลอนผู้คนที่ยังหวั่นเกรงว่า ถ้า  "คนเสื้อแดง" ไม่พออกพอใจเรื่องอันใด มีความเป็นไปได้ที่จะมีม็อบลงถนนตามคำขู่
     นั่นเป็นความหวาดกลัว ท่ามกลางดัชนีความสุขของคนไทยพุ่งปรี๊ดเป็นประวัติศาสตร์
     ที่จริงแล้วน่าจะเป็นเรื่องดีที่แกนนำคนเสื้อแดง อาทิ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ"  ออกมายืนยันว่าจะยังไม่มีการชุมนุมกดดันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  กรณีที่ยังแขวน "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" และว่าที่ ส.ส.แดงร่วม 20 คน เอาไว้ก่อน  เพราะต้องรอสอบเรื่องร้องเรียน 
     แต่ความจริงเป็นเช่นนั้นหรือ?
     หากดูในทางกลับกัน กกต.ไม่ได้แขวนเฉพาะ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" แต่แขวน "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ด้วย และไม่พบว่าจะมีผู้ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์คนไหนออกมาบอกว่า จะจัดชุมนุมใหญ่ จะไปกดดัน กกต.
     สำคัญไปกว่านั้น พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเดือดเนื้อร้อนใจมากกว่า เพราะ  "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในพรรคเพื่อไทยเลย
     นั่นหมายความว่าอย่างไร?
     ถ้า กกต.ชี้ว่า "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ผิด พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบทันที  ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 237 
 ขณะที่พรรคเพื่อไทยไม่ระคายผิว หาก กกต.ชี้ว่า "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"  ผิด อย่างมากก็แค่เลื่อนลำดับปาร์ตี้ลิสต์ขึ้นมา แล้วหาคนอื่นมาสวมเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแทน
     อาจจะผิดแผนของ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปบ้าง เพราะเขาต้องการคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดมาเป็นนายกฯ นอมินีคนที่ 3 แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับ "ตระกูลชินวัตร" ที่คนในตระกูลไม่ถูกสังเวยการเมืองต่อจาก "สมชาย วงศ์สวัสดิ์"
     กกต.จะรับรอง หรือไม่รับรอง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับประเทศนี้ แต่สิ่งสำคัญคือ "เสื้อแดง" จะเอาอย่างไร 
     จะไม่พอใจถึงขั้นลุกขึ้นมาเผาเมืองอีกรอบหรือไม่?
     พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ภาคเหนือ อีสาน ได้เก้าอี้ ส.ส.เป็นกอบเป็นกำ จึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจที่ผลสำรวจดัชนีความสุขของประชาชนจะพุ่งเป็นประวัติการณ์ เพราะคนเสื้อแดงคือเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศนี้
     แต่ "เสียงส่วนใหญ่" ควรให้อะไรกับประเทศบ้าง นอกจากการข่มขู่คุกคามทุกครั้งยามที่ไม่พออกพอใจ และมีความสุขอยู่กับคำว่าตัวเองเป็นเสียงส่วนใหญ่
 เมื่อครั้งพรรคเพื่อไทยไร้ซึ่งอำนาจ สังคมไทยได้รู้ซึ้งถึงพลังอันดุดัน ดุเดือด จนยากต่อการควบคุมกันเองของคนเสื้อแดงมาแล้ว และมาถึงวันนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเข้าสู่อำนาจ หากคนเสื้อแดงไม่พอใจ อะไรจะเกิดขึ้น!
     ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การตีตนไปก่อนไข้ หรือวิจารณ์คนเสื้อแดงแบบเรื่อยเปื่อย
 แต่เป็นพฤติการณ์ที่พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงบางคนสื่อออกมาให้เห็นว่าพร้อมที่จะใช้ "กำลัง" เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
 เชื่อว่าการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงจะเกิดขึ้นทันที หาก กกต.ประกาศไม่รับรองผลการเลือกตั้งของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" และว่าที่ ส.ส.เสื้อแดงทั้งมวล
 และจะไม่มีคนเสื้อแดงคนไหนสนใจว่า ที่มาของการไม่รับรองให้เป็น ส.ส.  โดย กกต.นั้น มาจากสาเหตุอะไร
     นอกจากสิ่งที่คนเสื้อแดงท่องจนขึ้นใจมาแต่ไหนแต่ไร
     "อำมาตย์" แทรกแซง!
     จนถึงทุกวันนี้การจับโยงทุกสิ่งทุกอย่างโดยมี "อำมาตย์" เป็นศูนย์กลางนั้นยังคงดำเนินอยู่ 
     กรณีค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ที่สุดท้ายเริ่มย้อนกลับเข้าหาพรรคเพื่อไทยเอง กำลังจะทำให้พรรคเพื่อไทย โกหก หลอกลวงประชาชน 
     หาเสียงอย่าง พอได้เป็นรัฐบาลเป็นอีกอย่าง
     หากใครติดตามดูการปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย โดย "ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร" จะเห็นได้ว่า เริ่มต้นด้วยการประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ วันละ 300 บาท สิ่งเหล่านี้ยังปรากฏในแผ่นป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยทั่วประเทศ
     แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา กลับกลายเป็นว่า ผู้มีอำนาจที่แท้จริงคือ  "ทักษิณ ชินวัตร" ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนำร่องแค่ 2 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร กับภูเก็ต ซึ่งในความเป็นจริง ค่าแรงขั้นต่ำของ 2 จังหวัดนี้ ไม่ห่างจาก  300 บาทมากนัก
     ที่ไม่ยอมทำพร้อมกันทั่วประเทศเหมือนตอนที่รับปากขณะปราศรัยหาเสียง เป็นเพราะคนพวกนี้รู้ดีว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจนั้นมีมากมายมหาศาล
      นั่นเป็นที่มาว่า ทำไมสุดท้าย "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ถึงออกมาพูดว่า นี่ไม่ใช่นโยบายเร่งด่วน
     แต่คนเสื้อแดงไม่ได้คิดเช่นนั้น
     พวกเขาเชื่อว่า "อำมาตย์" รวมหัวกับ "นายทุน" กดขี่ชนชั้นรากหญ้า กดค่าแรงไม่ให้คนจนโงหัว
 ไม่หันกลับไปดูว่า ค่าแรง 300 บาททั่วประเทศนั้นทำได้จริงหรือไม่  กระทบเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างไร คนไทยตกงานสักเท่าไหร่ แรงงานต่างด้าวทะลักเข้าไทยขนาดไหน คนเสื้อแดงสนใจรับฟังเหตุผลเหล่านี้หรือไม่
 นั่นเพราะความคับแคบทางความคิด ที่จับ "อำมาตย์" มาเป็นจุดศูนย์รวมของทุกปัญหา จนสังเคราะห์ไม่ออกว่ารากเหง้าที่แท้จริงของปัญหาคืออะไร
 ก็อาจมี "คนเสื้อแดง" ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี เริ่มรู้สึกแล้วว่า อย่างนี้ "มันไม่ใช่" แต่กลุ่มนี้จะมีอยู่สักกี่คน
 แน่นอนค่าแรง 300 บาทต่อวัน ควรจะเกิดขึ้นจริง แต่การเกิดไม่ใช่หักด้ามพร้าด้วยเข่า ต้องค่อยเป็นค่อยไป ให้ทุกฝ่ายอยู่ได้ และร่ำรวยไปพร้อมๆ  กัน
 แต่น่าเสียดายวิธีนี้ไม่ใช่วิธีของพรรคเพื่อไทย
 ปัญหาเสื้อแดงจะเป็นปัญหาใหม่ และปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ซึ่งต้องแก้ไขกันในอนาคต
 คนเสื้อแดงอาจรู้สึกว่าการที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง คือชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตย คือการได้ประชาธิปไตยมาไว้ในอ้อมกอด และสิ่งที่คนเสื้อแดงทำหลังจากนี้คือการรักษาไว้ซึ่งความเป็นประชาธิปไตย รวมไปถึง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ต้องได้เป็น ส.ส. ถ้าไม่ได้แสดงว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
 ส่วน "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" จะได้เป็น ส.ส.หรือไม่ คนเสื้อแดงจะไปสนใจทำไม!
 นี่คือปัญหา ตราบเท่าที่คนเสื้อแดงคิดว่า ตนเท่านั้นเป็นผู้สร้างประชาธิปไตย หลังจากนี้จะนำไปสู่การรื้อ ล้าง อย่างขนานใหญ่
 พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงมองกติกาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแค่เครื่องมือของอำมาตย์ พวกเขาต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
 และดูเหมือนพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงต้องการสร้างกติกาขึ้นมาใหม่  อย่างแรกที่เริ่มพูดถึงกันแล้วคือ การยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่อาจส่งผลให้ "ทักษิณ ชินวัตร" พ้นมลทิน ไปโดยปริยาย
 เรื่องที่ว่าอาจเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้ ยกเว้นการจัดสรรอำนาจภายในพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงไม่ลงตัว
 หากกระถาง 3 ขา ขาใดขาหนึ่งหักไป อีก 2 ขาก็มิอาจรับน้ำหนักกระถางได้
 นี่คือการเมืองภายในของ "ระบอบทักษิณใหม่" 
 หาก "ทักษิณ ชินวัตร" ผิดพลาด จัดสรรอำนาจไม่ลงตัว แล้วปล่อยให้เกิดเนื้อเน่าใน
 ถึงวันนั้น มวยชนะ คนก็ไม่แพ้ แต่กองเชียร์จะเผาเวที.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น